ซีโอดี (Chemical Oxygen Demand, COD)
หลักการทั่วไป
การวิเคราะห์หาค่าซีโอดีเป็นการวัดความสกปรกของน้ำเสีย โดยคิดเปรียบเทียบในรูปของปริมาณออกซิเจนที่ต้องการใช้ในการออกซิไดส์สารอินทรีย์ โดยใช้สารเคมีซึ่งมีอำนาจในการออกซิไดส์สูงในสารละลายที่เป็นกรด ในการวิเคราะห์หาค่าซีโอดีจากตัวอย่างจำเพาะบางชนิด สามารถหาค่าความสัมพันธ์กับค่าบีโอดี สารอินทรีย์คาร์บอน หรือสารอินทรีย์ต่างๆ เพื่อใช้ในการติดตามและควบคุมการะบวนการบำบัดน้ำเสียได้ วิธีรีฟลักซ์โดยใช้ไดโครเมท เป็นที่นิยมใช้กันมากกว่าการใช้สารออกซิแดนซ์ชนิดอื่นๆ เนื่องจากความสามารถในกาออกซิไดซ์ใช้ได้กับตัวอย่างชนิดต่างๆ และวิธีวิเคราะห์ง่าย ออกซิไดซ์สารอินทรีย์ต่างๆ ได้ประมาณ 95 ถึง 100 % แต่สำหรับไพริดีนและอนุพันธ์จะทนต่อการถูกออกซิไดซ์ และพวกสารอินทรีย์ที่ระเหยได้จะถูกออกซิไดซ์เมื่อสัมผัสกับสารออกซิไดซ์เท่านั้น แอมโมเนียที่อยู่ในน้ำเสียหรือถูกปล่อยออกจากสารอินทรีย์จะไม่ถูกออกซิไดซ์ถ้าไม่มีประจุคลอไรด์อิสระจำนวนเพียงพอ
การเลือกใช้วิธีวิเคราะห์
วิธีฟลักซ์แบบเปิด (Open reflux) สามารถใช้ได้กับของเสียชนิดต่างๆ ที่สามารถเก็บตัวอย่างจำนวนมากได้ ส่วนวิธีรีฟลักซ์แบบปิด (Closed reflux) จะประหยัดกว่าในการใช้ metallic salt reagents แต่ตัวอย่างที่นำมาวิเคราะห์ต้องมีเนื้อเดียวกัน (homogenous) มิฉะนั้นจะทำให้ได้ค่าที่คาดเคลื่อน แอมพูลและหลอดเลี้ยงเชื้อพร้อมด้วยสารละลายที่ตวงสำเร็จมีจำหน่ายตามท้องตลาด วิธีทำตามวิธีการของผู้ผลิต
การวิเคราะห์หาค่าซีโอดีตั้งแต่ 50 มก./ลบ.ดม. ขึ้นไป ใช้วิธีรีฟลักซ์แบบเปิดหรือแบบปิดก็ได้ อาจใช้วิธีรีฟลักซ์แบบเปิดที่ดัดแปลง โดยเปลี่ยน 0.00417 โมลาร์ โพแทสเซียมไดโครเมตและไทเทรตกับ 0.025 โมลาร์ เอฟเอเอส เพื่อหาค่าซีโอดีที่มีความละเอียดระหว่าง 5 ถึง 50 มก./ลบ.ดม.
ข้อจำกัดและสิ่งรบกวนของการวิเคราะห์
สารประกอบพวก volatile straight-chain aliphatic จะถูกออกซิไดซ์เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากสารระเหยเหล่านี้อยู่ในสถานภาพที่เป็นไอระเหย ทำให้ไม่สัมผัสโดยตรงกับสารออกซิไดซ์ สารประกอบเหล่านี้จะถูกออกซิไดซ์ได้ดีขึ้น ถ้ามีซิลเวอร์ซัลเฟตร่วมเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ด้วย
อย่าไรก็ดี ซิลเวอรัลเฟตเมื่อทำปฏิกิริยากับคลอไรด์ โบรไมด์ แลไอโอไดด์ เกิดเป็นตะกอนซึ่งจะถูกออกซิไดซ์เป็นบางส่วน แต่สามารถแก้ไขถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ได้โดยการผสมเมอคิวริกซัลเฟตก่อนทำการรีฟลักซ์ แม้ว่าเมอคิวริกซัลเฟต 1 กรัม ถูกกำหนดให้ใช้กับตัวอย่า 50 ลบ.ซม. แต่สามารถใช้ให้น้อยลงได้ ถ้าปริมาณตัวอย่างคลอไรด์มีปริมาณต่ำกว่า 2000 มก./ลบ.ดม. และ/หรืออัตราส่วนยังคงเป็น 10 :1 ขอ งHgCl4 : Cl- ถูกคงรักษาไว้ได้
การเก็บตัวอย่าง
ตัวอย่างสามารถเก็บไว้ในขวดแก้วหรือพลาสติกก็ได้ แต่โดยมากนิยมเก็บขวดแก้วในการวิเคราะห์หาค่าซีโอดี ควรเก็บตัวอย่างอย่างน้อย 100 ลบ.ซม. และถ้าไม่สามารถวิเคราะห์ได้ในทันทีให้ปรับพีเอชของตัวอย่างให้เป็นพีเอช 2 หรือต่ำกว่าด้วยกรดซัลฟิวริกเข้มข้น
ซีโอดี โดยวิธีรีฟลักซ์แบบปิด (Closed Reflux)
หลักการทั่วไป
เช่นเดียวกับวิธีรีฟลักซ์แบบปิด สารอินทรีย์ที่ระเหยจะสามารถถูกออกซิไดส์ได้มากกว่าในระบบเปิดเปิดเพราะมีเวลาสัมผัสกับสารออกซิไดส์ได้นานกว่า ก่อนทำการทดลองทุกครั้งควรตรวจดูฝาปิดหลอดแก้วว่ามีรอยแตกตรงรองต่อของ TEE liner หรือไม่ ฝาจุกของหลอดทดลองที่อาจเกิดชำรุดในขณะการย่อยสลายในเตาอบจะทำให้เกิดการปนเปื้อนและทำให้มีการสูญหายของสารอินทรีย์ได้ ดังนั้นจึงควรที่จะต้องระมัดระวังสำหรับการย่อยสลายในเตาอบจะใช้อุณหภูมิที่ 150 ซ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง การเลือกขนาดของหลอดที่ใช้ขึ้นอยู่กับความไว (sensitivity) ที่ต้องการ สำหรับตัวอย่างน้ำที่มีค่าซีโอดีต่ำควรใช้หลอดแก้วขนาด 25 x 150 มม. เพราะจะต้องใช้ปริมาตรตัวอย่างน้ำที่มาก
สารแทรกสอด
เช่นเดียวกับวิธีหาซีโอดีโยวิธีฟลักซ์แบบเปิด
เครื่องมือและอุปกรณ์
- ภาชนะที่ใช้ในการย่อยสลาย (digestion vessel) ควรใช้หลอดทดลองที่เป็นบอกโรซิลิเคตซึ่งมีขนาด 16 x 100 มม. หรือ 20 x 150 มม. หรือ 25 x 150 มม. พร้อมทั้งฝาจุกที่บุด้วย TFE หรือใช้บอโรซิลิเคตแอมพูล (borosilicate ampules) ขนาดความจุด 10 ลบ.ซม. เส้นผ่าศูนย์กลาง 19 -20 มม. ซึ่งมีความลึก 45 ถึง 50 มม. เป็นช่องที่จะให้หลอดหรือแอมพูลตั้งอยู่ด้พอดี
- ฮีตติงบล็อค (heating block) เป็นอลูมิเนียมหล่อ (cast aluminum) มีช่องหลายๆ ช่องซึ่งมีความลึก 45 ถึง 50 มม. เป็นช่องที่จะให้หลอดหรือแอมพูลตั้งอยู่ได้พอดี
- เครื่องให้ความร้อนหรือเตาอบ (block heater or oven) ให้ความร้อนอยู่ในช่องระหว่าง 150± 2 °ซ
- เครื่องเชื่อมแอมพูล (ampule sealer) ใช้แมคเคนิเคิบซีลเลอร์ (mechanical sealer ที่แน่ใจว่าจะมีการเชื่อมที่แข็งแรงพอ
สารเคมี
- สารละลายมาตรฐานโพแทสเซียมไดโครเมต ความเข้มข้น 0.0617 โมลาร์
ชั่งสารละลายมาตรฐานปฐมภูมิ (primary standard) โพแทสเซียมไดโครเมต 4.913 กรัม ซึ่งถูกทำให้แห้งในเตาอบอุณหภูมิ 103 °ซ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ทิ้งให้เย็นในโถทำแห้ง ใส่ไปในน้ำกลั่นประมาณ 500 ลบ.ซม. ค่อยๆ เติมกรดซัลฟิวริกเข้มข้น 167 ลบ.ซม. เติมเมอร์คิวริคซัลเฟต 33.3 กรัม คนให้ละลายตั้งทิ้งไว้ให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง แล้วเจือจางให้มีปริมาตรเป็น 1,000 ลบ.ซม. ด้วยน้ำกลั่น
- กรดซัลฟิวริกรีเจนต์ เช่นเดียวกับวิธีรีฟลักซ์แบบเปิด
- เฟอโรอินดิเคเตอร์ เช่นเดียวกับวิธีรีฟลักซ์แบบเปิด
- สารละลายมาตรฐานเฟอรัสแอมโมเนียมซัลเฟต (FAS) ความเข้มข้น0.1โมลาร์
ละลายเฟอรัสแอมโมเนียซัลเฟตเฮกซะไฮเดรต (Fe(NH4)2(SO4)2.6H2O) 39.2 กรัม ในน้ำกลั่นประมาณ 500 ลบ.ซม. เติมกรดซัลฟิวริกเข้มข้น 20 ลบ.ซม. คนให้ละลาย ทิ้งให้เย็น แล้วเติมน้ำกลั่นจนมีปริมาตรเป็น 1,000 ลบ.ซม. สารละลายนี้ต้องเทียบมาตรฐานกับสารละลายมาตรฐานโพแทสเซียมไดโครเมตที่ใช้ในการย่อยสลายทุกครั้งที่นำมาใช้ เติมสารเคมีตามตารางที่ 4.11.4 ในภาชนะย่อยสลายแต่ใช้น้ำกลั่นแทนตัวอย่างน้ำ ทิ้งให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง แล้วไทเทรตด้วยเอฟเอเอสใช้เฟอโรอินดิเคเตอร์ 0.05 0.1 ลบ.ซม. ทำประมาณ 1-2 หลอด ไทเทรตจนถึงจุดยุติสีจะเปลี่ยนจากฟ้าอมเขียวเป็นสีน้ำตาลแดง
ซีโอดี โดยวิธีรีฟลักซ์แบบปิด
ขั้นตอนที่ 1 นำหลอดทดลองที่ล้างสะอาดแล้ว อบด้วยอุณหภูมิ 105 0C เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
ขั้นตอนที่ 2 นำออกจากตู้อบแล้วทิ้งให้เย็นในอุณหภูมิห้อง
ขั้นตอนที่ 3 ดูดน้ำตัวอย่าง 2.5 มล. ใส่หลอดทดลอง เติมน้ำกลั่นเพื่อเจือจาง อัตราส่วน 1 : 2 คือเติมน้ำกลั่น 5 มล.
ขั้นตอนที่ 4 ทำแบลงค์โดยใส่น้ำกลั่นลงในหลอดทดลอง 7.5 มล.
ขั้นตอนที่ 5 เติมโพแตสเซียมไดโครเมต 1.5 มล.ในน้ำตัวอย่างและแบลงค์ โดยใช้ปิเปตขนาด 1 มล. ดูดสารดังกล่าว โดยปล่อยให้สารสัมผัสโดยตรงกับน้ำตัวอย่างเลย แต่ไม่ให้ปลายปิเปตแตะ
น้ำตัวอย่าง
ขั้นตอนที่ 6 เติมกรดซัลฟุริค 3.5 มล. ในน้ำตัวอย่างและแบลงค์ โดยใช้ปิเปตขนาด 5 มล. ดูดสารดังกล่าว โดยปล่อยให้สารสัมผัสโดยตรงกับน้ำตัวอย่างเลย แต่ไม่ให้ปลายปิเปตแตะน้ำตัวอย่าง
ขั้นตอนที่ 7 นำหลอดทดลองใส่ไว้ในตะแกรงและนำเข้าตู้อบที่มีอุณหภูมิ 150 0C เป็นเวลา 2 ชั่วโมง
ขั้นตอนที่ 8 หลังจากอบครบ 2 ชั่วโมงแล้ว น้ำออกมาตั้งไว้ให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง
ขั้นตอนที่ 9 เทลงน้ำตัวอย่างลงในขวดรูปชมพู่ขนาด 250 มล.
ขั้นตอนที่ 10 หยดเฟอโรอินอินดิเคเตอร์ 2-3 หยด จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมน้ำเงิน
ขั้นตอนที่ 11 ไตเตรทด้วยเฟอร์รัสแอมโมเนียซัลเฟตความเข้มข้น 0.025 N ในการไตเตรทจะต้องค่อยๆ หยดทีละหยด เนื่องจากการถึงจุดยุติจะเร็วมาก คือจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอิฐ บันทึกผล
การคำนวณ
ความเข้มข้นของสารละลายมาตรฐานไอร์ออน (II) แอมโมเนียมซัลเฟต (FAS)
โมลาริตีของเอฟเอเอส =
ตารางที่ 4.11.4 ปริมาณตัวอย่างและรีเอเจนต์ที่ใช้สำหรับขนาดต่างๆ ของภาชนะที่ใช้ในการย่อย
สลาย
ขนาดของภาชนะย่อยสลาย |
ตัวอย่างน้ำ ลบ.ซม. |
สารละลายในการย่อยสลาย |
กรดซัลฟิวริกรีเอเจนต์ ลบ.ซม. |
ปริมาตรทั้งหมด |
หลอดย่อยสลาย |
2.5 2.5 |
1.5 1.5 |
3.5 3.5 |
7.5 7.5 |
- กรดซัลฟามิคเพื่อแก้สารแทรกสอดเองจาไนไทรท์ โดยใส่กรดซัลฟามิค 10 มก. เพื่อกำจัดไนไทรต์ทุกๆ 1 มก. โดยใส่ในภาชนะย่อยสบายก่อนที่จะนำไปรีฟลักซ์
- สารละลายมาตรฐานโพแทสเซียมไฮโดรเจนพทาเลท เช่นเดียวกับวิธีรีฟลักซ์แบบเปิด
วิธีวิเคราะห์
- ล้างหลอดย่อยสบายและฝาจุกด้วยกรดซัลฟิวริกร้อยละ 20 ก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนด้วยสารอินทรีย์
- เลือกใช้ปริมาตรของตัวอย่างน้ำและสารเคมีที่เหมาะสม ตามรางที่ 4.11.4
- นำตัวอย่างน้ำมาใส่หลอดยอยสลายหรือแอมพูล เติมสารละลายที่ใช้ในการย่อยสลายซึ่งได้แก่ สารละลายมาตรฐานโพแทสเซียมไดโครเมต
- ค่อยๆ เทกรดซัลฟิวริกรีเอเจนต์ให้ไหลลงก้นหลอดแก้ว เพื่อให้ชั้นของกรดอยู่ใต้ชั้นตัวอย่างน้ำและน้ำยาย่อยสลาย
- ปิดจุกหลอดแก้วให้แน่น หรือถ้าใช้แอมพูลก็ให้เชื่อมให้สนิท แล้วคว่ำหลอดแก้วไปมาหลายๆ ครั้งเพื่อผสมให้เข้ากันอย่างทั่วถึง
ข้อควรระวัง
- ในขณะที่ผสมในภาชนะให้ใส่หน้ากากป้องกัน (face shield) และให้ใส่ถุงมือเพื่อกันความร้อนด้วย
- ต้องผสมของผสมให้เข้ากันให้ดีก่อนนำไปรีฟลักซ์ เพื่อกันไม่ให้เกิดความร้อนสะสมอยู่เฉพาะที่ก้นหลอด เพราะอาจทำให้ระเบิดได้
- นำหลอดทำลองเหล่านี้ไปใส่ในเครื่องย่อยสลาย (block digester) หรือเตาอบทำให้ร้อนถึงอุณหภูมิ 150 °ซ ก่อน ใช้เวลารีฟลักซ์ 2 ชั่วโมง แล้วทิ้งให้เย็นถึงอุณหภูมิห้อง โดยนำหลอดทดลองมาวางในที่วางหลอดทดลอง (test tube rack)
- เปิดฝาจุก แล้วจึงใส่แท่งแม่เหล็กที่หุ้มด้วยทีเอฟอี (TFE covered Magnetic bar) ถ้าใช้แอมพูบให้เทของผสมลงไปในภาชนะที่ใหญ่กว่าเพื่อนำไปไทเทรต เติมเฟอโรอินอินดิเคเตอร์ประมาณ 0.05 0.1 ลบ.ซม. (1 หรือ 2 หยด๗ จนโดยใช้เครื่องกวนชนิดแม่เหล็ก (magnetic stirrer) อย่างเร็วในขณะที่ไทเทรตด้วย 0.1 โมลาร์เอฟเอเอส จุดยุติจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจากฟ้าอมเขียวเป็นน้ำตาลแดงถึงแม้บางครั้งสีฟ้าอมเขียวอาจจะกลับมาปรกฎอีกในหลายนาทีถัดมา และในลักษณะเดียวกันให้ทำรีฟลักซ์และไทเทรตแบลงค์ที่มีรีเอเจนต์กับน้ำกลั่นในปริมาตรเท่ากับตัวอย่างน้ำด้วย
การคำนวณ
ซีโอดี, มก. ออกซิเจน / ลบ.ซม. =
โดย A = ลบ.ซม.ของเอฟเอเอสที่ใช้ในการไทเทรตแบลงค์
B = ลบ.ซม.ของเอฟเอเอสที่ใช้ในการไทเทรตตัวอย่างน้ำ
M = โมลาริตีของเอฟเอเอส